วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560

EA

EA นิวไฮรอบ 6 สัปดาห์ รับข่าวสัญญาเช่าถูกต้อง




ราคาหุ้น บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ ทำนิวไฮรอบ 6 สัปดาห์ หลังมีสัญญาณดีจาก ส.ป.ก.ระบุ สัญญาเช่าถูกต้อง

ราคาหุ้น บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA วันนี้พุ่งแรง ขึ้นไปสูงสุดที่ 27 บาท บวก 1.25 บาท หรือ เพิ่มขึ้น 4.85% ทำสถิติสูงสุด นิวไฮในรอบ 6 สัปดาห์ ขณะที่ราคาล่าสุดคลิ๊กที่นี่ EA

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.พลังงานบริสุทธิ์  หลังทางสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก.เตรียมสรุปผลสอบสัญญาการเช่าที่ดินของโครงการกังหันลมให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ภายในสิ้นเดือน มีนาคม นี้ แต่ EA ได้รับสัญญาณที่ดีจาก ส.ป.ก. ที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลโครงการพบว่า สัญญาเช่าของบริษัทถูกต้อง ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ได้ประโยชน์ พร้อมให้ราคาพื้นฐาน 33 บาท 

ทั้งนี้ EA และบริษัทย่อย มีธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสจากไฟฟ้าพลังงานทดแทน ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 4 โครงการ ที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 8 โครงการ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน

TPIPP

TPIPP ตั้งช่วงราคา IPO หุ้นละ 6-7 บาท

"ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์" ในชื่อย่อ TPIPP  บริษัทย่อยของ TPIPL   ตั้งช่วงราคาขาย IPO หุ้นละ 6-7 บาท ก่อนสรุปราคาสุดท้าย 24 มี.ค.   เปิดให้ผู้ถือหุ้นเดิมจองและชำระค่าหุ้นก่อนลำดับแรก พร้อมเปิดขายประชาชนทั่วไป 24 มี.ค. และ 27-29 มี.ค.นี้ 

บมจ.ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) แจ้งว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของบริษัทย่อย บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) ในช่วงราคาเบื้องต้นที่ 6-7 บาท/หุ้น  โดยจะสรุปราคาสุดท้ายในวันที่ 24 มี.ค.60 และเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อในวันที่ 24 มี.ค. และ 27-29 มี.ค.นี้ 

ส่วนผู้ถือหุ้นเดิมของ TPIPL มีสิทธิจองซื้อได้จองและชำระค่าหุ้นในวันที่ 22 มี.ค.-24 มี.ค. 2560 โดยจะต้องชำระในราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายที่ 7 บาท/หุ้น ซึ่งบริษัทกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 162:1 จากที่ได้ขึ้นเครื่องวันที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ (XB)  ไปแล้วเมื่อ 12 ต.ค. 2559

หลังจากสรุปราคาเสนอขายสุดท้ายของหุ้น TPIPP หากราค่ำกว่่าที่ชำระไว้จะคืนเงินค่าจองซื้อหุ้นส่วนต่างให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด 

TPIPP จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน IPO จำนวนไม่เกิน 2,500 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยจะระดมทุนขยายโรงไฟฟ้าอีก 3 โรงเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเป็น 440 MW จากปัจจุบัน 150 MW
          
สำหรับผู้จัดการการจัดจําหน่ายและรับประกันการจําหน่ายหุ้น TPIPP ประกอบด้วยบริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จํากัด บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จํากัด และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน)

ราคาหุ้น TPIPL ล่าสุด 10.52 น. ยืนทรงตัวที่ 2.68 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

CENTEL

CENTEL คงเป้ารายได้ปี 60 เติบโต 4-5%

CENTEL ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้ารายได้ปี 2560 เติบโต 4-5 % จากปี 2559 ที่ทำได้กว่า 1.99 หมื่นล้านบาท  ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวปีนี้

นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหารบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL  เปิดเผยว่า การเติบโตปีนี้ รายได้ยังมาจากธุรกิจ 2 ส่วนหลัก คือ ธุรกิจโรงแรมในสัดส่วน 50% และอีก 50% จะมาธุรกิจร้านอาหาร 

โดยธุรกิจโรงแรม แม้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จะได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง เนื่องจากปีนี้เทศกาลตรุษจีน อยู่ในช่วงเดือนมกราคม ทำให้ยอดเดือนกุมภาพันธ์ติดลบ 3%  แต่บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ ต่อจำนวนห้องพัก หรือ RevPar ที่ 3- 4% และคงอัตราการเข้าพัก ที่ระดับ 81% ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับปีก่อน 

ทั้งนี้ จากความไม่แน่นอนของจำนวนนักท่องเที่ยว ทำให้บริษัทฯ ต้องปรับขึ้นค่าห้องขึ้นเฉลี่ย 4-5% และเชื่อว่าสถานการณ์นักท่องเที่ยวน่ากลับมาเป็นปกติอีกครั้งในช่วงกลางปี ไปจนถึงครึ่งปีหลัง

ส่วนแผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงมีแผนการใช้เงินราว 3พันล้านบาท แบ่งเป็นใช้ในธุรกิจโรงแรม ที่ 500-600 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบลงทุนปกติ ในการเข้าปรับปรุง โรงแรมเซ็นทารา เซ็นทรัล เวิล์ด 170 ล้านบาท  และโครงการก่อสร้างโรงแรม แบรนด์  Cosy สมุย และ Cosy พัทยา ซึ่งทั้ง 2 แห่ง ใช้งบลงทุน 560 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจร้านอาหาร คาดว่าจะสามารถเติบโตในระดับ 5% โดยปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจาซื้อแบรนด์อาหารในประเทศเพิ่มอีก 1 แบรนด์  โดยตั้งงบลงทุนไว้ที่ 500-1,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะได้เห็นความชัดเจน
 

"การเติบโตของบริษัทเป็นไปตรมภาวะการท่องเที่ยว ซึ่งเดือนแรกเราโต 6% แต่เดกือยกุมภาพันธ์ จำนวนนักท่องเที่ยวเราหายไป-3% โดยที่หายไปส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเกิดจากปีนี้เทศกาลตรุษจีนเราอยู่ในช่วงเดือนมกราคม ทำให้เดือนถัดมานักท่องเที่ยวหายไป สาเหตุเกิดจากการย้ายสถานที่ท่องเที่ยวไปแถวเวียดนามกันเยอะขึ้น ทำให้ปีนี้เราต้องปรับราคาห้องพักขึ้นอีกราว 4-5% เพื่อให้รายได้และกำไบริษัทเติบโตได้ ตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้"นายรณชิตกล่าว

วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2560

CHOW

CHOW ดันบริษัทย่อย เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ ขาย IPO

บอร์ด CHOW อนุมัติให้บริษัทย่อย "เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่" ในชื่อย่อ CE  เสนอขาย IPO จำนวน 490 ล้านหุ้น  จัดสรรประชาชนทั่วไป 367.5 ล้านหุ้น ผู้ถือหุ้นเดิมของ CHOW ไม่เกิน  122.5 ล้านหุ้น  

บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวานนี้ (15 มี.ค.) มีมติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการเพิ่มทุนและการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของบมจ.เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ (CE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยจะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 490 ล้านหุ้น โดยเสนอขายประชาชนทั่วไปครั้งแรก 367.5 ล้านหุ้น และเสนอขายผู้ถือหุ้นเดืมของ CHOW ตามสัดส่วนถือหุ้น  จำนวนไม่เกิน 122.5 ล้านหุ้น 

สำหรับการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจะจัดสรรให้กับประชาชนทั่วไป 367.5 ล้านหุ้น และจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นของ CHOW ตามสัดส่วนการถือหุ้น จำนวน 122.5 ล้านหุ้น 
          
บอร์ด CHOW มีมติอนุมัติให้ CE เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 245 ล้านบาท แบ่งเป็น 490 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 570 ล้านบาท เป็น 815 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ  1.63 พันล้านหุ้น 

จากเดิมที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 ของบริษัท อนุมัติให้เพิ่มทุนจำนวน 190 ล้านบาท แบ่งเป็น 380 ล้านหุ้น  เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 760 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1.52 พันล้านหุ้น
          
นอกจากนั้นมีมติอนุมัติให้ CE จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 490 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก 367.5 ล้านหุ้น จากมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเดิม อนุมัติให้จัดสรร 285 ล้านหุ้น ขณะที่จะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 122.5 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้น CHOW ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-emptive Right) จากมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเดิม อนุมัติให้จัดสรรไม่เกิน 95 ล้านหุ้น 
          
ส่วนราคาเสนอขายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของ CHOW จะเป็นราคาเดียวกับการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรกของ CE เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทได้เข้าลงทุนใน CE และช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดกับผู้ถือหุ้นของบริษัทจากการที่สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทใน CE ลดลงจาก 87.36% เหลือ 61.10%

นอกจากนี้บอร์ดยังอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท CHOW แบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวนไม่เกิน 240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1บาท เสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นไม่เกิน 160 ล้านหุ้น และบุคคลในวงจำกัด ไม่เกิน 80 ล้านหุ้น 

APX

APX หลุดเพิกถอน กลับเทรด SET วันที่ 27 มี.ค.นี้

บมจ.เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ ในชื่อย่อ APX พ้นเหตุเพิกถอน หลังออกจากแผนฟื้นฟูกิจการกลับมาทำธุรกิจได้ตามปกติ เข้าเทรด SET วันที่ 27 มี.ค.นี้ ในหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในราคาซื้อขายสุดท้าย 2.80 บาท/หุ้น

ตลาดหลักทรัพย์ ประกาศให้บมจ.เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์  (APX) พ้นเหตุเพิกถอน และปลดเครื่องหมาย SPหลังจากบริษัทได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของการพ้นเหตุเพิกถอนหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แล้ว

APX จะเริ่มทำการซื้อขายภายหลังพ้นเหตุเพิกถอนในวันที่  27 มี.ค. 2560 ในตลาด SET กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และในหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ปัจจุบัน APX ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเป็นอาคารชุดโรงแรม อาคารชุดพักอาศัย และที่ดินจัดสรรพร้อมบ้านพักตากอากาศ รวมถึงให้บริการจัดการให้เช่าห้องชุดหรือบ้านพักตากอากาศที่ลูกค้าซื้อบางส่วนนำออกให้เช่าในระบบโรงแรม
โดยบริษัทจะเก็บค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการ และมีผลตอบแทนให้กับผู้ซื้อตามที่ระบุในสัญญา
 
บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในกรณีพ้นเหตุเพิกถอน 

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2542 เป็นต้นมา หลักทรัพย์ของ APX ถูกห้ามซื้อขายจนกว่าบริษัทจะสามารถดำเนินการแก้ไขฐานะการเงินและผลการดำเนินงานได้ ดังนั้นราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2542 ที่ราคา 2.80 บาทต่อหุ้น อาจไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของหลักทรัพย์ในปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงขอให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลบริษัทได้จากสรุปข้อสนเทศของ APXที่เผยแพร่ผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ

อนึ่ง เพื่อให้หลักทรัพย์ดังกล่าวสามารถซื้อขายได้ตามสภาพความเป็นจริงตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงอาศัยอำนาจตามความในข้อ 29(1) และ (3) ของข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การซื้อขายการชำระราคา และการส่งมอบหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2555 กำหนดให้ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ของ APXในวันที่ 27 มีนาคม 2560 ไม่มีราคาสูงสุดและต่ำสุด

APX แต่เดิมคือบริษัท ซันเทคกรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ดําเนินธุรกิจเกษตรอตสาหกรรมแบบครบวงจรในการปลูกและผลิตแปรรูปมะเขือเทศและข้าวโพดเพื่อจําหน่ายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ ซึ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลกทร ั ัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2533 

ต่อมาบมจ.ซันเทคกรุ๊ป เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ โดยศาลล้มละลายกลางมีคําสั่งให้ฟื้นฟูกิจการเมื่อ พ.ศ. 2543 และเมื่อดําเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการเป็นผลสําเร็จ ศาลล้มละลายกลางจึงมีคําสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 30 เมษายน2550 ทําให้บริษัท สามารถดําเนินธุรกิจการค้าได้ตามปกติ

หลังจากนั้นในเดือนสิงหาคม 2550 กลมผู้ลงทุนใหม่ นําโดยนายพงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์ ได้เข้าลงทนในหุ้นเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 2,145 ล้านบาท เป็น 13,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจํากดั เพื่อนําเงินทุนมาใช้รองรับการเปลี่ยนแปลงธุรกิจเป็นธุรกิจพัฒนาอสั งหาริมทรัพย์ เป็นผลให้กล่มคุณพงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์ ถือหุ้น 83.5% เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “บริษัท เอเพ็กซ์ดีเวลลอปเม้นท์จํากดั (มหาชน)” เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2550 

หลังจากนั้นมีการปรับโครงสร้างทุนโดยการลดทุนจดทะเบียนเพื่อลดขาดทุนสะสมทำให้มูลค่าที่ตราไว้เท่ากับ 1.00 บาทต่อห้นุ ในการเปลี่ยนธุรกิจมาเป็นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บริษัท โดยเริ่มจากโครงการ MÖvenpick White Sand Beach Pattaya เป็นโครงการแรกตั้งแต่ปี 2551

ปัจจุบันมีโครงการที่พัฒนาและกำลังจะพัฒนา  3 โครงการ ได้แก่ โครงการ MÖvenpick White Sand Beach Pattaya, โครงการ Sheraton Grand Bay Resort & Grand Bay Residences ที่ภูเก็ต และโครงการซื้อและปรับปรุงโรงแรมเก่าซิกม่า รีสอร์ท พัทยาใหม่ เป็นโรงแรมใหมชื่อโรงแรม Four Points by Sheraton, Pattay

PLAT

PLAT มั่นใจกำไรปีนี้นิวไฮต่อเนื่อง

บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PLAT  เผยว่า มั่นใจผลประกอบการปีนี้ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 704 ล้านบาท และรายได้ 1.86 พันล้านบาท 

บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากการให้บริการโครงการตลาด “นีออน ดาวน์ทาวน์ ไนท์ มาร์เก็ต” ได้เต็มปี และได้มีการเพิ่มจำนวนห้องพักของโรงแรมโนโวเทล แพลทินัมเป็น 288 ห้อง จากปัจจุบันอยู่ที่ 283 ห้อง ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเข้าพัก (OCC) สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาที่ 88% 

อีกทั้งจะมีการปรับอัตราค่าเช่าพื้นที่ที่ครบกำหนดสัญญาเช่าในศูนย์การค้าเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ อีกราว 3 - 5% จากสิ้นปีก่อนที่มีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยตารางเมตรละ 2,900 บาท/เดือน 

ขณะที่ในส่วนของจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (เดือนม.ค.-ก.พ.) เพิ่มขึ้น 8 - 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยวันละ 6 – 8 หมื่นคน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น 


ล่าสุด PLAT อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรประเทศในกลุ่ม AEC เพื่อร่วมลงทุนในโครงการศูนย์การค้า ขนาดพื้นที่ 3 – 4 หมื่นตารางเมตร โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนของการร่วมลงทุนภายในปีนี้ ซึ่งเบื้องต้นบริษัทได้ตั้งงบลงทุนในช่วง 5 ปี (ปี 2559 - 63) ไว้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนสำหรับปีนี้ราว 2.5 - 3 พันล้านบาท 

โดยส่วนใหญ่จะใช้ในการลงทุนก่อสร้างโครงการ เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ศูนย์ค้าปลีกขนาดใหญ่ พื้นที่ 170,000 ตารางเมตร มูลค่าลงทุน 5.8 พันล้านบาท ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 4 ปี 2561 และส่วนที่เหลือจะใช้ในการก่อสร้างโรงแรม Holiday Inn Express และ Holiday Inn Resort ที่เกาะสมุย ซึ่งมีกำหนดเริ่มก่อสร้างภายในปลายปีนี้ โดยขณะนี้บริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ราว 5.8 พันล้านบาท เบื้องต้นจึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกหุ้นกู้เพิ่มเติมแต่อย่างใด

TSR

TSR ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 2 พันลบ. ขยายสาขาใหม่-รุก CLMV 

"เธียรสุรัตน์" ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 2 พันล้านบาท หลังขยายช่องทางจำหน่ายเครื่องกรองน้ำและเครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมคาดอัตรากำไรสุทธิปีนี้เข้าสู่ภาวะปกติ หลังคุมคุณภาพสินเชื่อ เตรียมขยายสาขาปีนี้ 5 แห่ง

นายวิรัช วงศ์นิรันดร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSR ตั้งเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 2 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่ทำได้ 1,864 ล้านบาท โดยมาจากการเติบโตของยอดขายเครื่องกรองน้ำ และเครื่องใช้ไฟฟ้า หลังเพิ่มช่องทางในการจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าออนไลน์ ธุรกิจให้เช่าตู้กดน้ำ และการเพิ่มสาขาจัดจำหน่ายในปีนี้ 

แต่ประเมินว่ากำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ซึ่งจะทำให้ช่องทางเงินผ่อนได้รับความนิยมมากขึ้น โดยปีนี้จะมีสัดส่วนรายได้จากเครื่องใช้ไฟฟ้า 15% สารกรองน้ำ 11% และเครื่องกรองน้ำ 74%

สำหรับอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ โดยที่ผ่านมาเฉลี่ยใกล้เคียง 8% จากปีก่อนที่ทำได้เพียง 4.32% เนื่องจากมีภาระตั้งสำรองหนี้เสียในปี 2559 อยู่ที่ 235 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทฯ จะหันมาลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) โดยการลดระยะเวลาในการผ่อนชำระลง จากเดิมที่มีระยะเวลาผ่อนชำระ 24 เดือน เป็น 13 เดือน ซึ่งจะทำให้คุณภาพของลูกหนี้ดีขึ้น ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากปัจจุบันที่มี NPL อยู่ที่ 4.3%

บริษัทยังมีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 5 แห่ง จากเดิมมีทั้งหมด 20 สาขา โดยจะใช้เงินลงทุนสาขาละไม่เกิน 1 ล้านบาท เนื่องจากเป็นการเช่าอาคารเพื่อเปิดสาขา โดยสาขาแรกจะเปิดในจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นแห่งแรกในปีนี้ และจะใช้งบลงทุนพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย 20-30 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและรับจำนำทะเบียนคาดว่าจะสามารถเปิดให้ดำเนินการได้ภายในเม.ย.ปีนี้ ซึ่งประเมินว่าเป็นธุรกิจที่จะเติบโตได้ดีจากฐานลูกค้าเครื่องกรองน้ำที่มีอยู่ 5 แสนราย ตั้งเป้ายอดปล่อยกู้ในปีนี้ราว 30 - 40 ล้านบาท กำหนดยอดปล่อยกู้สูงสุดรายละ 2 หมื่นบาท

ในเรื่องความคืบหน้าธุรกิจในต่างประเทศ ล่าสุดบริษัทฯ ได้เข้าไปเปิดสาขาแรกในประเทศลาว ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากเนื่องจากมีคู่แข่งน้อย และผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าด้วยเงินสด นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเติบโตของตลาดอีกมาก เนื่องจากราคาน้ำบรรจุขวดในประเทศลาว มีราคาค่อนข้างสูง 

พร้อมกันนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าลงทุนในประเทศอื่นๆใน CLMV ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจน 1 ประเทศภายในปีนี้