ใกล้วันประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้า (14-15 มี.ค.) ที่ตลาดเล็งการปรับขึ้นดอกเบี้ย ยังพบทิศทางค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าต่อ ซึ่งหมายถึงการเป็นแรงฉุดค่าเงินบาท จนอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 เดือน และเป็นปัจจัยระยะสั้นสนับสนุนเซนติเมนต์ในหุ้นกลุ่มส่งออก
หุ้น KCE หรือ “เคซีอี อีเลคโทรนิคส์” คืนฟอร์มโดดเด่น (พฤหัสฯ 10 มี.ค.) หลังราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายเดือนม.ค. จนราคาหลุดต่ำกว่า 100 บาท ก่อนกลับฟื้นขึ้นมาพร้อมปริมาณการซื้อขายหนาแน่นเกือบ 800 ล้าน ราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ High ของวัน ที่ 101.50 บาท
KCE เคยขึ้นไปทำจุดสูงสุดแถวบริเวณ 130 บาทเมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว ก่อนจะปรับตัวเป็นขาลง โดยมีสาเหตุหลักจากต้นทุนทองแดงที่พุ่งขึ้นมาราว 20% ตั้งแต่เดือนต.ค. 59 ประกอบกับราคาหุ้นซื้อขายบน P/E สูงถึงระดับ 24 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่อยู่ระดับ 16-17 เท่า
โบรกเกอร์ “กสิกรไทย” ระบุว่าการที่ราคาหุ้น KCE ปรับตัวเพิ่มขึ้นน่าเป็นเพราะการอ่อนค่าของเงินบาท ตามแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และทิศทางการอ่อนค่าของเงินปอนด์และยูโร ขณะเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าต่อเนื่องในเดือน มี.ค. เป็นปัจจัยบวกต่อประสิทธิภาพการทำกำไรของ KCE ประกอบกับประเด็นสำคัญที่ราคาทองแดงซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญ ในสัปดาห์นี้ปรับตัวลงมาทำจุดต่ำสุดในรอบ 8 สัปดาห์ มาอยู่ที่ 5.7 พันเหรียญต่อตัน ต่ำกว่าสมมติฐานที่ระดับ 6 พันเหรียญต่อตัน จึงถือเป็นข่าวดีต่อ Upside ราคาหุ้น
โบรกเกอร์รายนี้จึงประเมินว่าผลประกอบการของ KCE ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในงวดไตรมาส 4/59 และคาดว่าจะฟื้นตัวเป็นลำดับในไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้ ส่วนในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นโดดเด่น ตามกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นอีก 24% จากการที่โรงงานในลาดกระบังเฟส 3 ที่เดินเครื่องเต็มการผลิต
นักวิเคราะห์กสิกรฯ มองปัจจุบันราคาหุ้น KCE ยังถูกกดดันด้วยราคาทองแดง ทำให้ซื้อขายบน P/E เพียง 14 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ซื้อขายบน P/E 16 เท่า พร้อมกับคาดอัตรากำไรต่อหุ้น หรือ EPS Growth จะเฉลี่ย 20% ต่อปีในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งสูงกว่ากลุ่มที่จะโตเฉลี่ยเพียง 14% เท่านั้น โดยนักวิเคราะห์ประเมินราคาพื้นฐาน KCE ที่ 132 บาท
ด้าน "เคทีบี (ประเทศไทย)" ระบุว่า ราคาทองแดงปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนต.ค. และอาจจะเพิ่มขึ้นอีกซักพัก เนื่องจากคนงานเหมืองทองแดงขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศชิลีรวมตัวกันประท้วงหยุดงาน นักวิเคราะห์ให้ข้อมูลว่า เนื่องจากแผ่น PCB มีส่วนประกอบของทองแดงในสัดส่วนประมาณ 8% ของต้นทุนทั้งหมด และคาดว่าต้นทุนราคาทองแดงจะส่งผลต่อต้นทุนของ KCE ในไตรมาสแรก โดยมองว่าในระยะยาว KCE จะสามารถผลักดันต้นทุนค่าผลิตสินค้าสู่ผู้ซื้อได้บางส่วน
นักวิเคราะห์เคทีบีคาดแนวโน้มกำไร KCE ในปี 2560 จะสามารถเติบโตราว 10.5% มาอยู่ที่ 3.35 พันล้านบาท พร้อมประเมินราคาพื้นฐาน 125 บาท โดยมองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้น ทำให้มีการนำเข้าสินค้าไปยังอเมริกาเพิ่มขึ้น ส่งผลบวกอุตสาหกรรมส่งออกของไทย นอกจากนี้ ปัจจัยด้านต่างประเทศก็ยังมีปัจจัยเฉพาะตัวสำหรับ KCE ในเรื่องโรงงานใหม่ที่คาดว่าจะดำเนินการเฟส 3 แล้วเสร็จภายในครึ่งปีแรกซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 7 แสนตางรางฟุตต่อเดือน ทำให้มองว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ กำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 2 ล้านตารางฟุตต่อเดือน ขณะ utilization rate ของเก่าที่คาดว่าจะดีขึ้น
ฝั่งโบรกเกอร์ “บัวหลวง” ยังมีมุมมองบวกต่อ KCE สำหรับแนวโน้มกำไรหลักที่คาดว่าจะเติบโตแข็งแกร่งที่ 25% สำหรับปี 2560 และ 18% ในปี 2561 นักวิเคราะห์มองการที่จำนวนชิ้นส่วนในรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น และมีเทคโนโลยีใหม่ๆ และการขยายกำลังการผลิต จะช่วยหนุนให้ KCE ยืนอยู่ในตำแหน่งของ “ผู้ชนะ” ไปอีกอย่างน้อย 3 ปี ส่วนการดำเนินการลงเครื่องจักรสำหรับเฟส 3 เพิ่มเติมในปี 2560-2561 จะช่วยทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้น หนุนการเติบโตระยะยาว
นักวิเคราะห์บัวหลวงมองการที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง ถือว่ารับรู้ประเด็นการปรับขึ้นของราคาทองแดงมากเกินไป จึงแนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะในการเข้าซื้ออีกครั้ง พร้อมประเมินราคาพื้นฐาน 120.50 บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น