“ไทยออยล์” คาด EBITDA ในปีนี้ทำได้สูงกว่าปีก่อนหากไม่รวมสต็อกน้ำมัน จากแนวโน้มค่าการกลั่นและราคาน้ำมันที่คาดว่าจะสูงขึ้นจากปีก่อน รวมถึงการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าแบบเต็มปี
นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านการเงินและบัญชี บมจ.ไทยออยล์ (TOP) คาดว่ากำไรก่อนหักค่าเสื่อม หรือ EBITDA ของกลุ่มไทยออยล์ในปีนี้ โดยไม่รวมสต็อกน้ำมัน จะทำได้สูงกว่าปีก่อนที่มี EBITDA ราว 25,000 ล้านบาท จาก EBITDA รวม 32,675 ล้านบาทในปี 2559
โดยปัจจัยสนับสนุนหลัก มาจากความต้องการน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง ในขณะที่กำลังการผลิตส่วนเพิ่ม มีค่อนข้างน้อย โดยในปีนี้ คาดว่าดีมานด์ส่วนเพิ่มน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะสนับสนุนให้ค่าการกลั่น (GRM) ของปีนี้ มีโอกาสปรับตัวสูงกว่าปีก่อนที่ 5.2 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
จากการคาดการณ์ราคาน้ำมันของกลุ่ม ปตท. และ ไทยออยล์ปีนี้ ยังมองว่าราคาน้ำมัน มีโอกาสปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับ 55-58 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าราคาเฉลี่ยที่ 52 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ในปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ในปี 2560 จะเป็นปีแรก ที่ "ไทยออยล์" จะรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP 240 เมกะวัตต์แบบเต็มปี โดยในปี 2559 ที่ผ่านมา เริ่มผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ช่วงเดือน มิ.ย. ทำให้บริษัทฯ มี EBITDA ประมาณ 900 ล้านบาท ซึ่งการรับรู้เต็มปีก็จะทำให้ EBITDA ในส่วนนี้ เพิ่มขึ้นเท่าตัว
ผู้บริหาร "ไทยออยล์" เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการ Clean Fuel Project (CFP) ที่ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มกำลังการกลั่นเสริมศักยภาพในการแข่งขัน จากปัจจุบันอยูที่ 270,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน คาดว่าจะสรุปและนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการได้ในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า ซึ่งหากคณะกรรมการอนุมัติจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ทันที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น