วอลุ่มตลาดยังต่ำกว่า 4 หมื่นล้านเป็นวันที่สาม (จันทร์ 13 มี.ค.) คล้ายกับตลาดรอคอนเฟิร์มผลการประชุมเฟดขึ้นดอกเบี้ยกลางสัปดาห์ แต่ที่ล่วงหน้าไปก่อนก็คือหุ้นกลุ่มพลังงานที่ถูกขายตามราคาน้ำมันที่ร่วงลงทำนิวโลว์รอบ 3 เดือนแล้ว ไปจนถึงแรงขายหุ้นขนาดกลางและเล็กที่ “Valuation” สูงเกินไป หรือขาดปัจจัยสนับสนุนชัด
หุ้น “คาราบาวกรุ๊ป” หรือ CBG ยังไม่พ้นบ่วงถูกเทขายออกมาต่อเนื่อง กดราคาหุ้นทำจุดต่ำสุดในรอบ 8 เดือน นอกจากจะเป็นการรับเซนติเมนต์ด้านลบของภาวะตลาดโดยรวม นักลงทุนดูยังขาดความเชื่อมั่นเรื่องผลประกอบการที่อาจจะยังไม่พ้นจุดต่ำสุด อันเป็นผลจากแผนการรุกตลาดในจีนและอังกฤษที่ยังรับรู้ผลขาดทุนเข้ามาในงบการเงิน
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์บอกกับ Money Channel ว่า แรงขายที่ออกมาอย่างต่อเนื่องในหุ้นของ CBG น่าจะเป็นผลจากการที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นเรื่องผลประกอบการในไตรมาสแรกว่าอาจจะยังไม่พลิกฟื้น หรือยังไม่พ้นจุดต่ำสุด ซ้ำเติมผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้วที่ออกมาค่อนข้างผิดหวัง และขณะเดียวกัน อาจยังเป็นเพราะความไม่มั่นใจในการเข้าไปลงทุนในตลาดจีน ว่าจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่ หลังจาก CBG เคยประกาศร่วมลงทุนในจีน เข้าถือหุ้น 41.4% และคาดจะเริ่มดำเนินงานในไตรมาส 2 นี้
มีการประเมินด้วยว่าแรงขายที่ออกมาส่วนใหญ่ น่าจะเป็นนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนกลุ่ม VI รวมทั้งยังมีแรงขายผ่านธุรกรรม “Block Trade” ซึ่งเป็นรูปแบบของ Single Stock Futures ไปเข้าซื้อหุ้นโดยใช้มาร์จิ้น ส่งผลให้ผู้ลงทุนที่เข้าไปซื้อฝั่ง Long ถูกบังคับขาย หรือ “Force Sell”
ปัจจุบัน หุ้น CBG ยังมีจำนวนสัญญาคงค้างอยู่ราว 15,000 สัญญา หรือคิดเป็นจำนวน 15 ล้านหุ้น ดังนั้น จึงมีคำเตือนว่าในระยะสั้นนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขาย
แหล่งข่าวยังแนะให้รอติดตามภายหลังปิดสมุดบัญชีงวดปี 2559 เมื่อวันที่ 10 มี.ค ที่ผ่านมา บริษัทฯ เตรียมแจ้งกับทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ ซึ่งต้องรอดูรายละเอียดอีกครั้ง
“สำหรับหุ้นที่สามารถทำ ‘Block Trade’ ได้ นั้น โดยมากจะเป็นหุ้นใน SET50 และ SET100 ซึ่งมีทั้งกองทุน ต่างชาติ และ prop trade เป็นผู้เล่น ดังนั้นการใช้ศาสตร์ Technical Analysis ในการอ้างอิงจึงเป็นไปตามหลักการทฤษฎี มากกว่าการไปเล่นหุ้น Small Cap ทั่วไป ขณะผู้ลงทุนสามารถเลือกทิศทางได้ทั้งในฝั่ง LONG และ SHORT เพราะฉะนั้น ไม่ว่าตลาดจะเป็นขาขึ้น ขาลง หรือแม้แต่ “ไซด์เวย์” ก็จะมีโอกาสให้กับผู้เล่นอยู่เสมอ นอกจากนั้น การทำ ‘Block Trade’ ใช้เงินน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อหุ้นในตลาด ดังนั้น ด้วยปริมาณเงินที่เท่ากัน ถ้าคาดการณ์ทิศทางราคาได้ถูกต้องจะให้ผลตอบแทนมากกว่าการซื้อหุ้น”
ด้าน “สุนทร ทองทิพย์” ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรี บอกกับ Money Channel ว่า แม้ว่าภาพรวมของ CBG จะยังอยู่ในเซนติเมนต์เชิงลบจากผลกระทบขยายลงทุนต่างประเทศ แต่ในแง่พื้นฐานก็มีโอกาสพลิกฟื้นได้ เพราะล่าสุด บริษัทฯ สามารถนำสินค้าเข้าไปขายผ่าน Modern Trade ได้แล้ว แต่ต้องรอการอัพเดตกับทางผู้บริหารอีกครั้ง โดยในไตรมาส 4/59 "Intercarabao UK" มีผลขาดทุน 89 ล้านบาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการเป็นสปอนเซอร์ทีมเชลซี ทำให้คาดว่า “Intercarabao UK” จะมีผลขาดทุน 222 ล้านบาทในปีนี้ และ 115 ล้านบาทในปี 2561 เนื่องจากยอดขายในอังกฤษยังต่ำกว่าจุดคุ้มทุนที่ 70-80 ล้านกระป๋อง/ปี
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจะต้องจ่ายค่าสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลอังกฤษลีกคัพ เพื่อทําให้แบรนด์คาราบาวเป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดโลก โดย CBG ตั้งงบการตลาดไว้ที่ 6-8% ของยอดขายในปี 2560-63 ซึ่งใกล้เคียงกับ “Monster” และเครื่องดื่มระดับโลกแบรนด์อื่นๆ
CBG มีแผนจะเพิ่มยอดขายในอังกฤษเป็น 30 ล้านกระป๋องในปีนี้จาก 2 ล้านกระป๋องในปี 2559 ด้วยการเพิ่มจุดขายแบบ traditional trade อีกเท่าตัว เป็น 16,000 แห่ง ส่วนในจีน คาดว่าการร่วมทุนที่จีนจะทํากําไรให้กับบริษัทฯ ราว 6 ล้านบาทในปีนี้ และเพิ่มเป็น 100 ล้านบาทในปี 2561
คุณสุนทร บอกว่า ราคาหุ้น CBG ปรับตัวลงในช่วงนี้มีความน่าสนใจในเรื่องมูลค่าหุ้นที่ยังต่ำกว่าราคาพื้นฐาน 70 บาท แม้ว่ายอดขายในภูมิภาคแข็งแกร่ง การรุกตลาดโลกจะช่วยโปรโมตแบรนด์คาราวบาวไปทั่วโลกในสัญญา 3 ปี แต่สิ่งสำคัญคือต้องรอดูความคืบหน้าของการรุกตลาดอังกฤษและจีนที่ยังสร้างกังวลว่ากําไรจะลดลง (แบบ Y/Y) ในครึ่งปีแรก และอาจจะจํากัด Upside ของราคาหุ้นในระยะสั้น
ส่วนโบรกเกอร์ “เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ” (ประเมินราคาเป้าหมาย CBG 65 บาท) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่าการขาดทุนในอังกฤษและบริษัทร่วมทุนในจีนยังเป็นปัจจัยกดดันหลัก แต่ยอดขายในประเทศยังมีแนวโน้มเติบโตดี ขณะที่การส่งออกคาดว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นักวิเคราะห์คาดผลประกอบการในอังกฤษและบริษัทร่วมในจีนจะยังขาดทุนในช่วง 1-2 ปี แต่จะค่อยๆ ฟื้นตัวดีเป็นลำดับ พร้อมมองบริษัทฯ มีศักยภาพที่จะเติบโตได้ในระยะยาว
ฝั่ง “เคจีไอ” (ให้ราคาเป้าหมาย CBG 69 บาท) คาดว่าการขาดทุนจากการเข้าทำตลาดในยุโรปจะค่อยๆ ลดลงจากการประหยัดต่อขนาด แต่อย่างไรก็ตาม การที่กำไรรายไตรมาสได้หยุดสถิติการเติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาส อาจส่งผลเชิงจิตวิทยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ Valuation ของหุ้นค่อนข้างแพง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น