TWPC ตั้งเป้ารายได้ปี62 แตะ 1 หมื่นล้านบาท หลังรุกคืบขยายกำลังผลิตและทำตลาดในแถบ CLMV ยอมรับอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการ หนุนผลงานเติบโตระยะยาว
นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยวา (TWPC) ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลังรายใหญ่และครองส่วนแบ่งตลาดวุ้นเส้นอันดับหนึ่งในประเทศไทย บอกว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องแตะ 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 2562 ตามแผนธุรกิจระยะยาว
ใน ปี 59 บริษัทมีกำไรสุทธิ 669 ล้านบาท และรายได้จากการขาย 6,163 ล้านบาท ซึ่งทำสถิติใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
นอกจากนี้ ได้วางงบลงทุน 3 ปี ตั้งแต่ปี60-62 ไว้ที่ 1,000-2,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุนด้านการขยายกำลังการผลิตทั้งในประเทศ และกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง และมีความต้องการสินค้าที่ผลิต
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม CLMV อยู่ที่ 20% ซึ่งภายใน 3-5 ปีจะเพิ่มเป็น 30% ล่าสุดบริษัทฯได้เข้าไปตั้งโรงงานผลิตวุ้นเส้นและมันสำปะหลังในกัมพูชาและเวียดนามแล้ว คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องการผลิตได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
พร้อมกันนี้ยังได้กระจายเงินลงทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าสูง หรือ High Value-Added มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในแต่ละประเทศ
TWPC ได้รวมแผนการเข้าซื้อกิจการ( M&A) กับการลงทุนในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันระหว่างเจรจาในประเทศ CLMV โดยจะเป็นธุรกิจที่ต่อยอดจากบริษัท คาดมีโอกาสชัดเจนในปีนี้และปีหน้า โดยเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดในมือที่ปัจจุบันมีกว่า 1,700 ล้านบาท
รวมทั้งการลงทุนโครงการใหม่ใหม่ๆเพิ่มเติม เช่น ธุรกิจโรงไฟฟ้า biogas ที่ใช้เงินลงทุน 160-180 ล้านบาท/โรง ซึ่งปัจจุบันกำลังก่อสร้างอยู่ 3 โรง ที่ จ.อุดรธานี,กาฬสินธ์ และ นครราชสีมา มีกำลังการผลิตรวมไม่เกิน 8 เมกะวัตต์ และ คาดสร้างแล้วเสร็จในปี 63 ซึ่งจะสามารถลดต้นทุนให้กับบริษัท 100 ล้านบาทต่อปี โดยโรงไฟฟ้าที่ จ.อุดรธานี จะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/60 มีกำลังการผลิต 2.8 เมกะวัตต์ สามารถลดต้นทุนได้ 30 ล้านบาทต่อปี
ผู้บริหาร บอกว่า ปัจจุบันบริษัทฯได้อยู่ในความสนใจผู้ลงทุนสถาบันจากต่างชาติ เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตธุรกิจต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ยังมีแผนเดินสายให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ (โรดโชว์)เพิ่มเติม ล่าสุดอยู่ระหว่างคัดเลือกประเทศจากปี 59 ที่ได้โรดโชว์ที่สิงค์โปร์ มาเลเซียและฮ่องกง ซึ่งบริษัทจะเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาขยายเพดานการถือหุ้นของต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเข้ามาถือใกล้เต็มเพดานแล้วที่ระดับ 50-55%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น