เรียกว่าเป็นหุ้นที่กำลังถูกจับตาอย่างใกล้ชิด สำหรับหุ้นของ บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) ในระหว่างวันราคาหุ้นดีดขึ้นชนซิลลิ่ง หลังจากโดนเทขายหนักมาตลอดเกือบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีความกังวลว่าผู้กู้ยืมที่เป็นกลุ่มในสิงคโปร์และไซปรัส ส่วนหนึ่งได้นำหุ้นของ GL มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำให้มีคำถามว่าจะมีความเสี่ยงกระทบต่อผลประกอบการหรือไม่ หลังราคาหุ้น GL ปรับตัวร่วงลงอย่างมาก
ทางผู้บริหาร GL ยอมรับว่า จำเป็นต้องเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่มเติมกับผู้กู้เพิ่ม คาดชัดเจนในเดือน มี.ค.นี้ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมกับยืนยันถึงความแข็งแกร่งฐานะทางการเงิน และธุรกิจจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย
ไปติดตามรายละเอียดกับบทสัมภาษณ์คุณมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการ บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) พร้อมกันเลยครับ/ค่ะ
ผู้บริหาร บออกอีกว่า หลังจากราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา แนวทางการซื้อหุ้นคืนก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่บริษัทฯสามารถดำเนินการได้เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน เพราะปัจจุบันมีเงินสดในมือกว่า 2.5 พันล้านบาท แต่จะดำเนินการหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการบริษัทฯที่จะประชุมในวันที่ 17 มี.ค.นี้
ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมากลุ่ม J Trust พันธมิตรของบริษัท ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น มีแผนที่จะซื้อหุ้นของ GL เพิ่มจากปัจจุบันถืออยู่ 6.5% ซึ่งขณะนี้ J Trust อยู่ระหว่างปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ญี่ปุ่นว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ เพราะกังวลว่าจะเป็นการอินไซด์ข้อมูล เนื่องจากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกัน แต่ก่อนหน้านี้ J Trust ได้ซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนท์)ของ GL จำนวน 8.1 ล้านหน่วย
สำหรับประเด็นการเข้าซื้อกิจการในศรีลังกา บริษัทCCF ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศศรีลังกา ยอมรับว่าแม้ปัจจุบันราคาหุ้นของ CCF ปรับตัวลดลงมาก แต่บริษัทไม่จำเป็นต้องบันทึกด้อยค่า ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานบัญชีทั่วโลก กรณีการตั้งด้อยค่าการลงทุนจะตั้งเฉพาะกรณีที่บริษัทที่เข้าไปลงทุนมีผลขาดทุนเท่านั้น
มาที่ด้านนางเกศรา มัญชุศรี ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) บอกว่า ขณะนี้ทางตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลการชี้แจงของ GL ที่แจ้งเข้ามาวานนี้ (13 มี.ค.) ว่าข้อมูลครบถ้วนตามที่ส่งคำถามไปหรือไม่ ซึ่งหากข้อมูลไม่สามารถตอบคำถามได้ชัดเจน ตลท.จะส่งหนังสือไปยัง GL เพื่อขอคำชี้แจงเพิ่มเติมต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางตลาดหลักทรัพย์จะไม่เข้าไปตรวจสอบบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจลีซซิ่ง เนื่องจากยังมีการประกอบธุรกิจตามปกติ โดยจะติดตามเป็นราย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น