AOT กลับขึ้นเทรดเหนือ 400 บาท แต่ Upside ต้องลุ้นแนวโน้มท่องเที่ยว
SET Index (จันทร์ 30 ม.ค.) ยังย่ำอยู่แถว 1,590 จุด ด้วยแรงซื้อขายสลับในหุ้น Big cap พร้อมการเลือกเก็งกำไรในหุ้น Small&Mid cap ที่มีประเด็นสนับสนุน นักลงทุนส่วนหนึ่งรีๆ รอๆ ไม่แน่ใจกับผลกระทบของมาตรการ “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่เริ่มปะทุความขัดแย้งทั้งภายในสหรัฐฯ และทั่วโลก ขณะวอลุ่มส่วนหนึ่งก็หดหายไปตามการปิดทำการในหลายตลาดหุ้นแถบภูมิภาคเอเชียรับเทศกาลตรุษจีน
แรงซื้อในหุ้น Big cap นำโดย ปตท.สผ. (PTTEP) วอลุ่มเทรดเกือบ 2 พันล้านบาท รับผลงานปี 2559 ดีกว่าตลาดคาด รวมทั้งเงินปันผลที่ออกมา จูงใจนักลงทน
เช่นเดียวกับหุ้น AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หุ้น Big cap ที่เมื่อวันศุกร์ (27 ม.ค.) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นไฟเขียวการแตกพาร์เหลือ 1 บาท จาก 10 บาท วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้นในกระดาน และเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเข้ามาถือหุ้นมากขึ้น
AOT ต้องดำเนินการจดทะเบียนพาร์ใหม่ 1 บาท ให้แล้วเสร็จภายใน 14 วันทำการ นักวิเคราะห์จึงคาดว่าจะเริ่มเห็น AOT ซื้อขายในราคาพาร์ใหม่ในครึ่งเดือนแรกของเดือน ก.พ.นี้
มีข้อมูลระบุว่า จากราคาหุ้น AOT ที่ระดับ 400 บาท มีผู้ถือหุ้นรายย่อยถือครองหุ้นเฉลี่ย 3,100 หุ้นต่อคน จากในอดีตที่ราคาหุ้น 38 บาท มีผู้ถือหุ้นรายย่อยถือหุ้นเฉลี่ย 8,000-9,000 หุ้นต่อคน
และแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมูลค่าพาร์ แต่จะไม่ทำให้ทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เปลี่ยนแปลง โดยทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วก็ยังเท่าเดิม แต่จะทำให้มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น จากก่อนการเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 1,428 ล้านหุ้น เพิ่มเป็น 14,285 ล้านหุ้น การเปลี่ยนแปลงพาร์จึงไม่ได้กระทบพื้นฐานของธุรกิจ แต่ด้วยจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย และถูกจับตาว่าจะส่งผลบวกด้านจิตวิทยาการลงทุนมากกว่า
นอกจากกระแสการแตกพาร์ของ AOT จะเป็นปัจจัยสนับสนุนในระยะสั้นแล้ว ล่าสุด มีมุมมองต่อผลประกอบการในงวดไตรมาสแรก ปีงบประมาณ 2560 ที่ส่งสัญญาณดีขึ้น จากก่อนหน้านี้มีนักวิเคราะห์กังวลว่าจะไม่สดใส จากผลกระทบในช่วงถวายความอาลัย รวมทั้งการจัดระเบียบ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ”
อย่างไรก็ดี จากการสำรวจมูลค่าพื้นฐานของโบรกเกอร์ต่างๆ และราคาหุ้นในกระดาน พบว่าใกล้เต็มมูลค่าแล้ว ทำให้น่าติดตามกันต่อว่าแล้วจะมีข้อมูลในส่วนใดเพิ่มเติมเข้ามาเปิด Upside ของราคาหุ้นให้กว้างขึ้น นอกจากประเด็นหนุนเชิง Sentiment เรื่องการแตกพาร์
ย้อนกลับไปดูผลการดำเนินงานของ AOT พบว่ากำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ก่อนมาถึงปี 2559 (1 ต.ค.58-30 ก.ย.59) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.95 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% จากปี 2558 ตามจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
ด้านมุมมองนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป ยังคงราคาพื้นฐาน AOT ที่ 420 บาท พร้อมคาดว่ากำไรไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2560 เติบโต 6.1% จากปีก่อน มาเป็น 4,908 ล้านบาท ตามรายได้ที่คาดจะเติบโต 8.4% นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทฯ จะรับประโยชน์จากมาตรการยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่าและลดค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง มีผล 1 ธ.ค.59 – 28 ก.พ. 60 ให้กับ 19 ประเทศ ซึ่งรวมถึงจีน ทำให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาฟื้นตัวได้ใน ธ.ค.
และนอกจากจีน ยังมีอินเดียที่เป็นตลาดใหญ่ พร้อมคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2560 เพิ่มเป็น 33.50-34.15 ล้านคน จากเดิม 33 ล้านคน และยังคงคาดการณ์กำไร AOT ปี 2560 ที่ 20,790 ล้านบาท เพื่อรอดูแนวโน้มการเติบโตของนักท่องเที่ยว
ส่งท้ายด้วยความเห็นจาก บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส คงราคาพื้นฐาน AOT ที่ 455 บาท และคาดกำไรสุทธิปี 2560 จะเติบโต 15% ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัว 4.5% พร้อมระบุข้อมูลจากผู้บริหารที่คาดว่า ในงวดปี 2560 จำนวนผู้โดยสารจะเติบโต 8-9% รายได้จะเติบโตในตัวเลขสองหลัก และในช่วง 5 ปีนี้ บริษัทฯ จะใช้เงินราว 1.5 แสนล้านบาท เพื่อขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และรันเวย์ และขยายท่าอากาศยานดอนเมืองเฟส 3