BAY ประกาศกำไรปี 59 อยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% ใกล้เคียงที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ผลจากรายได้ดอกเบี้ยที่เติบโตตามสินเชื่อ
บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) แจ้งผลการดำเนินงานปี 2559 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21,404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% เทียบกับปี 2558 ที่มีกำไรสุทธิ 18,634 ล้านบาท
BAY ชี้แจงว่า ปัจจัยขับเคลื่อนผลการดําเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ ต้นทุนการเงินที่ปรับดีขึ้นจากการบริหารต้นทุนของธนาคาร
ขณะเดียวกันรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากความสามารถในการนําเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของผลกําไร
ส่วนเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 1,448,882 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจํานวน 145,428 ล้านบาท หรือ 11.2% เทียบกับสิ้นเดือนธันวาคม 2558 ซึ่งการเติบโตของเงินให้สินเชื่อในปี 2559 ปัจจัยหลักมาจากสินเชื่อรายย่อยซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 15.9% จากความต้องการสินเชื่อรายย่อยที่ครอบคลุมทุกประเภท ในสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล และการรวมสินเชื่อจากกิจการที่เข้าซื้อในกัมพูชา Hattha Kaksekar Limited
(HKL)
ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ 8% และ 6.5% ตามลําดับ โดยเงินรับฝากมีจํานวนทั้งสิ้น 1,108,288 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61,998 ล้านบาท หรือ 5.9% โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์ และเงินรับฝากจาก HKL
ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 11.7% เทียบกับปี 2558 ปัจจัยขับเคลื่อนจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากธุรกิจบริการบัตรและรายได้จากการเป็นตัวแทนจําหน่ายประกัน รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากกําไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อการค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ กําไรจากเงินลงทุนและรายได้จากหนี้สูญรับคืน
BAY ระบุว่า ได้ดําเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบระมัดระวัง รวมถึงพยายามในการแก้ไขสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ในปี 2559 มีการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพเป็ นจํานวน 2,878 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2559 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 2.21%
ณ สินปี 2559 ธนาคารมีเงินสํารองจํานวน 49,900 ล้านบาท ทําให้สํารองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ที่ 16,056 ล้านบาท และค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเทียบกับเกณฑ์สํารองของธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ที่ 147.4%
ขณะที่อัตราส่วนเงินสํารองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของกรุงศรีกรุ๊ปอยู่ระดับแข็งแกร่งที 143.3%
-
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น