16 ม.ค. 60
CPL มั่นใจรายได้ปีนี้โตก้าวกระโดด 25% หลังควบรวม "แพงโกลิน" คาดแล้วเสร็จใน Q2/60 พร้อมศึกษาเพิ่มฟรีโฟลทจากปัจจุบันที่รายย่อยถือ 29% ขณะที่หุ้นส่วนใหญ่อยู่ในมือผู้ถือหุ้นรายใหญ่
บมจ.ซี.พี.แอล.กรุ๊พ (CPL) ผู้นำในอุตสาหกรรมธุรกิจฟอกหนังของไทย ปรับโครงสร้างด้วยการเข้าควบรวมกิจการ บริษัท แพงโกลิน เซฟตี้ โปรดักส์ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เซฟตี้ในไทย โดยกระบวนการดังกล่าวคาดจะเเล้วเสร็จภายในไตรมาส2ปีนี้
นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซี.พี.แอล.กรุ๊พ (CPL) บอกว่า การรับโอนกิจการทั้งหมดของ "แพงโกลิน" จะช่วยให้ผลประกอบการ CPL เติบโตได้ก้าวกระโดด รวมถึงเพิ่มศักยภาพทำกำไรได้ดีขึ้น และบริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มสภาพคล่องหุ้น โดยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 29% เพราะหุ้นของ CPL เป็นหุ้นให้ปันผลเฉลี่ย 3-5% ทำให้นักลงทุนสนใจซื้อสะสมค่อนข้างมาก
ส่วนผลการดำเนินงานปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโต 25% หรืออยู่ที่ 2,500 ล้านบาท หลังจากได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจ โดยเข้าควบรวมกิจการของบริษัท แพงโกลิน เซฟตี้ โปรดักส์ จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจอุปกรณ์นิรภัย คาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค. และรับรู้ราวได้รวมกัน เม.ย.เป็นต้นไป ทำให้สัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจฟอกหนัง 75% และธุรกิจอุปกรณ์นิรภัย 25%
ภาพรวมธุรกิจเซฟตี้ โปรดักส์ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าอุปกรณ์นิรภัยในไทย ถือเป็น 1 ใน 3 ของตลาดทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งคาดการณ์ว่า ตลาดอุปกรณ์นิรภัยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลางจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 7.8% ภายใน 6 ปี เพราะการขยายตัวของโรงงานอุตสาหกรรมและธุรกิจก่อสร้าง โดยเฉพาะหากรัฐเร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ จะต้องมีการให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานมากขึ้นในอดีต
ส่วนบริษัท แพงโกลิน มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8-12% แต่ 2 ปีที่ผ่านเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้การก่อสร้างลดลง แต่คาดว่าปีนี้จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นเด่นชัดตามการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เพิ่มมากขึ้นการเข้ามาทำธุรกิจเซฟตี้โปรดักส์ บริษัทตั้งเป้าหมายทำให้อัตรากำไรสุทธิของ CPL ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 7-10% จากปัจจุบันที่มีมาร์จิ้นของธุรกิจฟอกหนักเพียงอย่างเดียวอยู่ที่ 3-4% ภายใน 3 ปี (60-63) คาดว่าจะมีรายได้รวมถึง 3,000 ล้านบาท จากการทำตลาดทั้งในและต่างประเทศร่วมกันมากขึ้
สำหรับธุรกิจฟอกหนังปัจจุบันมีกำลังการผลิต 2.5 ล้านตารางฟุตต่อเดือน โดยใช้กำลังการผลิต 85% และมีรายได้จากการส่งออกคิดเป็น 90% ซึ่งบริษัทพยายามศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายสินค้าใหม่ เพื่อเพิ่มปริมาณผลิตหนังหลายรูปแบบ โดยอยู่ระหว่างหารือกับคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศปีนี้คาดว่าจะใช้งบลงทุน 100-150 ล้านบาท เพื่อลงทุนเครื่องจักรในอุตสาหกรรมฟอกหนังรองรับการเติบโตในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น