วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560

SAWAD

SAWAD มั่นใจหุ้นกู้ขายฉลุย ชี้หลังเทคฯบีฟิทธุรกิจแกร่งขึ้น 

ซีอีโอ SAWAD มั่นใจหุ้นกู้ 4 พันล. ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี  ชี้หลังธปท.ไฟเขียวลงทุน“บีฟิท”โครงสร้างธุรกิจแกร่งขึ้นทั้งความน่าเชื่อถือและต้นทุนการเงินที่ต่ำลง  ลั่นไม่กระทบการดำเนินธุรกิจของศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979  

นางสาวดวงใจ แก้วบุตตา กรรมการบริษัทศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979  จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)อนุญาตให้บริษัทเข้าไปลงทุนในบริษัทเงินทุนกรุงเทพธนาทร(BFIT) และมีการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในกลุ่ม จะทำให้ภาพรวมของบริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ทั้งในแง่ของภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ ศักยภาพการทำธุรกิจในอนาคต  จึงทำให้มีความเชื่อมั่นว่า หุ้นกู้ของบริษัทที่จะกำหนดขายปลายเดือนม.คนี้ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งจากสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่  

“หากกระบวนการทุกอย่างแล้วเสร็จ บริษัทก็จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแบงก์ชาติ  จะทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นในสายตาของนักลงทุน  ส่วนธุรกิจหลักของ SAWAD ก็ยังคงเดินไปตามปกติ”นางสาวดวงใจ กล่าว

สำหรับแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่ม บริษัทศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 หรือ  SAWAD  ก็จะถูกยกระดับขึ้นเป็นโฮลดิ้งส์คัมพานี  และโอนทรัพย์สินตลอดจนหนี้สินรวมถึงหนี้หุ้นกู้ทั้งหมด ของธุรกิจหลักในปัจจุบัน ไปยังบริษัท ศรีสวัสดิ์ 2014  ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่โฮลดิ้งส์ถือ 100%   ดังนั้นการปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ตลอดจนถึงความสามารถในการชำระหนี้  
 
สำหรับหุ้นกู้ของบริษัทมีมูลค่าไม่เกิน 4  พันล้านบาท  อัตราดอกเบี้ยตามอายุหุ้นกู้คือ หุ้นกู้อายุ 2 ปี  โดยมี ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย  เป็นแกนนำผู้จัดจำหน่ายร่วมกับบล.เอเชียพลัส และ บล.โกลเบล็กซ์  

กรรมการผู้จัดการ บริษัทศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด(มหาชน)  กล่าวต่อว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะยังคงรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20-30%  โดยธุรกิจหลักใน 3-5 ปีข้างหน้าก็คือ  การปล่อยสินเชื่อแบบมีหลักประกัน  ส่วนระยะกลางคาดว่าธุรกิจการซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากสถาบันการเงิน มาบริหาร หรือ  AMC และการขยายธุรกิจต่างประเทศจะเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ของบริษัท ซึ่งจะทำให้ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคตจะมีความแข็งแ กร่งมากขึ้น 

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2559  บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 543.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 173.86 ล้านบาท หรือ 47% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 369.81 ล้านบาท ทำให้งวด 9 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 938 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น