วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

AOT

AOT ข่าวลบฉุด-กำไรดีไม่ช่วย-หลังแตกพาร์ร่วงกว่า10%

หุ้น  AOT ราคายังยืนไม่ได้หลังเริ่มเทรดพาร์ใหม่บาทเดียว กำไรปี 59 ที่ออกมาดีถูกกลบจากข่าวลบกรมธนารักษ์เรียกเก็บค่าเช่าที่เพิ่มคิดย้อนหลังกว่า 2 หมื่นลบ.  ด้านโบรกมีความเห็นทั้ง "ซื้อ"-"เลี่ยงลงทุน" ขณะที่ราคาหุ้นร่วงลงกว่า 10% ยังมีอัพไซด์น้อย

ราคาหุ้นของหุ้นของบมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ  AOT ปรับตัวผิดจากที่คาดหลังแตกพาร์เหลือ 1.00 บาท ราคาหุ้นกลับปรับลงต่อเนื่อง จากที่ถูกคาดหวังว่าจะช่วยให้หุ้นได้รับความสนใจและมีสภาพคล่องมากขึ้น

จากวันแรกที่แตกพาร์ 9 ก.พ. ลงมาปิดที่ 40.25 บาท ลดลง 4.17% เริ่มฟื้นขึ้นเล็กน้อยในวันที่ 10 ก.พ. ปิดบวกที่ 40.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.62%

ขณะที่วานนี้แจ้งผลประกอบการ ไตรมาส 1/59-60 สิ้นสุดธ.ค.59  มีกำไร 5.08 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.91%  แต่ราคาหุ้นยังคงปรับตัวลงปิดที่ 39.50 บาท ลดลง 2.47%

เปิดตลาดเช้านี้หุ้น AOT ปรับลงแรงขึ้นอีกจากข่าวลบกรมธนารักษ์เรียกเก็บเงินค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุจาก AOT  โดยช่วงเช้าปิดติดลบอีก 5.06% คิดรวมแล้วล่าสุดปรับลงไป  10.80%

ทางกรมธนารักษ์ขอขึ้นค่าเช่าที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากเดิม 5% ของส่วนแบ่งกำไรเป็น 5% ของส่วนแบ่งกำไรและตามมูลค่าของสินทรัพ/ปี ซึ่งกรมธนารักษ์ต้องการเงินชดเชยตั้งแต่ ต.ค. 2012 – ก.ย. 2016 คิดเป็นมูลค่า 1.51 หมื่นล้านบาท และในปี 2016 อีก 5.55 พันล้านบาท รวม 2.06 หมื่นล้านบาท สำหรับสุวรรณภูมิ ซึ่งทาง AOT ได้ปฏิเสธทั้งอัตราค่าเช่าใหม่ 

บล.ทรีนิตี้ ระบุว่า จากการสอบถามไปยังบริษัทมองว่ามีแนวโน้มเป็นไปได้ว่าจะมีการเรียกเก็บอัตราส่วนแบ่งรายได้ในร้อยละที่สูงขึ้นสำหรับรายได้อันเกิดจากสนามบินที่มีรายได้สูงอย่างสุวรรณภูมิและดอนเมือง และมีการเรียกเก็บอัตราส่วนแบ่งรายได้ในสัดส่วนใกล้เคียงเดิมสำหรับรายได้อันเกิดจากสนามบินที่ยังขาดทุน 

ทรีนิตี้มองว่า การเรียกเก็บในรูปแบบดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นค่อนข้างสูง  

พร้อมประเมินว่า แนวทางที่เป็นไปได้มากที่สุด คือ กรณีที่ 1.เรียกเก็บอัตราส่วนแบ่งรายได้ใน  7%  สำหรับรายได้อันเกิดจากสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง เรียกเก็บอัตราส่วนแบ่งรายได้ในร้อยละ 5 สำหรับรายได้อันเกิดจากสนามบินเชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่ และเรียกเก็บอัตราส่วนแบ่งรายได้ใน 2% สำหรับรายได้อันเกิดจากสนามบินแม่ฟ้าหลวง-เชียงราย ซึ่งจะส่งผลให้ AOT ต้องชำระค่าตอบแทนการใช้พื้นที่ราชพัสดุราว 700-800 ล้านบาทต่อปี 

พร้อมชำระค่าตอบแทนย้อนหลังสำหรับปี 59 จำนวน 5.5 พันล้านบาท ให้ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 42 บาทต่อหุ้น

ส่วนอีก 2 กรณีที่บล.ทรีนิตี้ ประเมิน จะแตกต่างกับกรณีที่1 ตรงค่าตอบแทนการใช้พื้นที่ราชพัสดุที่พุ่งสูงขึ้นไปถึง 2,800-4,900 ล้านบาท กดดันราคาเหมาะสมไปอยู่ที่ราว 37.50-39.80  บาทต่อหุ้น

บล.ทรีนิตี้ ให้ความเห็นว่า แนวโน้มการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ดี และการเติบโตของสายการบินต้นทุนต่ำที่ขยายตัวถึง 18%YoY พร้อมแนวโน้มรายได้ค่าบริการ และส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่จะขยายตัวเพิ่มได้อีกอย่างก้าวกระโดดตามแผนการขยายท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงคงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” ที่ราคาเป้าหมาย 42 บาท

ด้านบล.กสิกรไทย มองว่า ประเด็นการปรับค่าเช่ายังเป็นหนังยาวที่ต้องติดตามและรอความชัดเจนกันอีกนาน ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนสูงว่าสุดท้ายแล้ว AOT จะต้องจ่ายเท่าไหร่ 

ทั้งนี้ราคาหุ้นปัจจุบันที่ 37.5 บาทยังไม่ถือว่าน่าสนใจมากนัก เนื่องราคาพื้นฐานที่ KS Research วางไว้คือ 39.5 บาท การเข้าซื้อในปัจจุบันจึงเหมาะแค่ Trading เพื่อหวัง Technical Rebound เท่านั้น แต่การซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวควรรอให้ Upside เปิดกว้างกว่านี้  

หุ้น AOT ปิดตลาดภาคเช้าที่ 37.50 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 5.06% มูลค่าซื้อขายรวม 5,887 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น