หมอวิชัย เผยลงนามส่วนตัวเซ็น MOU กองทุนจีน Jade Bird Fund ขายโรงแรมดาราเทวี มูลค่า 5,000 ล้านบาท ขณะที่หลังจากนี้ต้องยื่นขออนุมัติบอร์ดก่อน
นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) เปิดเผยว่า ได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือเบื้องต้น (เอ็มโอยู) ในนามส่วนกับกองทุน Jade Bird Fund จากประเทศจีน เพื่อเสนอขายโรงแรมดาราเทวี มูลค่า 5,000 ล้านบาท ให้กับกองทุนดังกล่าว เพื่อเรียกความเชื่อมั่นแนวทางแก้หนี้และเตรียมเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาในภายหลัง
“เอ็มโอยูในวันนี้เป็นหนึ่งในแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้ของ IFEC แต่หลังจากนี้จะต้องนำเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณา ซึ่งการลงนามในสัญญาวันนี้เป็นการกระทำในนามส่วนตัว แต่ต้องทำเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่ามีผู้สนใจมาลงทุนในโรงแรมดาราเทวีอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการแก้ไขหนี้ของบริษัท"นายวิชัยกล่าว
นาย Zhan Tao ตัวแทนจากกองทุน Jade Bird Fund กล่าวว่า บริษัทได้ศึกษาข้อมูลของ IFEC มาพอสมควร โดย IFEC ประกอบธุรกิจที่น่าลงทุน และมีหลายโครงการที่น่าสนใจ เช่น พลังงานลม และโรงแรมดาราเทวี ซึ่งตอบโจทย์ของบริษัทที่กำลังหาโอกาสการเข้าลงทุนในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีการลงทุนในไทยมาก่อน โดยคาดว่าจะสรุปแผนการลงทุนได้ภายใน 2 เดือน ซึ่งมีบริษัทขนาดใหญ่ในจีนสนใจมาร่วมทุนด้วยอีก
สำหรับกองทุน Jade Bird Fund เป็นกองทุนที่มีมูลค่าบริษัท 20,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 100,000 ล้านบาท โดยเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในจีน รวมถึงโครงการของรัฐบาลจีนด้วย
นายวิชัย ยังกล่าวถึงการจดทะเบียนแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่เพิ่มเติมต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่า น่าจะดำเนินการแล้วเสร็จทันภายใน 14 วันหลังประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา เพราะขณะนี้ได้ยื่นเอกสารต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว โดยหลังจากการประชุมวิสามัญเลือกกรรมการคณะกรรมการแล้ว บุคคลที่ได้รับเลือกได้ส่งเอกสารครบเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งมีความล่าช้าพอสมควร และจำเป็นต้องตรวจสอบว่าคณะกรรมการใหม่มีคุณสมบัติถูกต้องหรือไม่
"โดยส่วนตัวไม่มีความตั้งใจจะยื้อเวลาอย่างแน่นอน เพราะหากจะยื้อเวลาคงไม่เร่งให้เกิดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2 เพราะต้องการคณะกรรมการใหม่โดยเร็ว อย่างไรก็ตาม หากไม่ยื่นตามกรอบ 14 วัน ตามกฎหมายไม่มีผลกระทบ เพราะสามารถยื่นล่าช้าได้"นายวิชัยกล่าว
ส่วนการปลดเครื่องหมาย SP หุ้น IFEC นั้น นายวิชัย กล่าวว่า ส่วนตัวต้องการปลดเครื่องหมาย SP เช่นกัน แต่ทิศทางของบริษัทขณะนี้ยังไม่ชัดเจน และหากปลดยังไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น โดยอยากให้มีทิศทางการแก้ปัญหาหนี้ให้ชัดเจนก่อน จากที่ได้ศึกษาพบว่าเครื่องหมาย SP สามารถอยู่ได้ 180 วัน ซึ่งบริษัทถูกขึ้น SP ตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค.60 จึงยังมีเวลาอีกมากที่จะสร้างความชัดเจน
นายวิชัย ระบุว่า มีความสนใจเข้าซื้อหุ้นของ IFEC เพิ่มหลังปลดเครื่องหมาย SP หากบริษัทสามารถแก้ไขปัญหาภายในและมีทิศทางการดำเนินงานที่ชัดเจน
ส่วนปัญหาหนี้ตั๋วบี/อีในช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการชำระและขอต่ออายุตั๋ว B/E มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท จากทั้งหมด 1,800 ล้านบาท ซึ่งในเดือน มี.ค. จะมีตั๋ว B/E ครบกำหนดชำระอีกหลักร้อยล้านบาท ซึ่งมีแนวคิดจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ทั้งหมด 3,000 ล้านบาท ให้รับรู้แนวทางการแก้ปัญหาหนี้ทั้งหมดเพื่อเรียกความเชื่อมั่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น