หุ้น BCP หรือ “บางจากปิโตรเลียม” หุ้นโรงกลั่นเพียงรายเดียวที่กำไรงวดไตรมาสล่าสุดออกมาลดลงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า จนสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน ปะทุแรงขายออกมาหนาแน่น จากก่อนหน้านี้ที่ราคาหุ้นรับอานิสงส์จากค่าการกลั่นฟื้น หนุนเซนติเมนต์ระยะสั้น
รายงานงบของ BCP ที่ประกาศเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว กำไรออกมาอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท ต่ำกว่าผลสำรวจนักวิเคราะห์ (Bloomberg Consensus) คาดไว้ถึง 30% แม้ว่าค่าการกลั่นจะเพิ่มขึ้นตามที่ตลาดคาดและมีกำไรจากธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม ซึ่งรับรู้ผ่าน BCPG แต่ผลกระทบมาจากค่าการตลาดที่ต่ำจากการขอตรึงราคาน้ำมันของภาครัฐในช่วงไว้อาลัยเมื่อเดือน ต.ค.59–ม.ค.60 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันโลกปรับขึ้น ทำให้ EBITDA ของบริษัทฯ ลดลง ไม่นับรวมผลจากต้นทุนทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น
BCP ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งหลังปี 2559 ที่ 1.00 บาทต่อหุ้น (คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 2.9%) โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 1 มีนาคม ก่อนจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 เมษายน นี้
นักวิเคราะห์รอการชี้แจงข้อมูลของทีมผู้บริหารที่จะมีขึ้นในวันที่ 21 ก.พ.นี้ เพื่อติดตามแนวโน้มการดำเนินธุรกิจและความสามารถทำกำไรในอนาคต ท่ามกลางมุมมองที่แตกต่างกันทั้งด้านบวกและลบ
โบรกเกอร์ “เคจีไอ” ระบุผลประกอบการ BCP อ่อนแอกว่าคาด ต่ำกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์ถึง 38% แม้ว่าบริษัทฯ จะสามารถเพิ่มปริมาณยอดขายได้ 8% Q/Q เป็น 1,491 ล้านลิตร จากการเป็นช่วงฤดูการเดินทางที่ต่อเนื่องในวันหยุดยาวปลายปี แต่กำไรที่ลดลงเป็นผลจากค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มขึ้น จากธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ที่มีโปรโมชั่นส่งเสริมการขายและค่าใช้จ่ายพิเศษเพื่อการโฆษณา
นักวิเคราะห์ระบุถึงค่าการตลาดรวมลดลงถึง 31% Q/Q เหลือ 0.56 บาทต่อลิตร เนื่องจากมาร์จิ้นของการขายน้ำมันฝั่งอุตสาหกรรมลดลงมาก จากภาวะซัพพลายล้นตลาด ทำให้การแข่งขันทวีความรุนแรงขึ้น ดังนั้น EBITDA จากธุรกิจสถานีบริการน้ำมันจึงลดลงมาเป็น -3 ล้านบาทจาก +607 ล้านบาทในไตรมาส 3
โบรกเกอร์รายนี้ให้ข้อมูลด้วยว่า BCP ถือเป็นบริษัทโรงกลั่นเพียงแห่งเดียวที่กำไรลดลงเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส โดยนักวิเคราะห์อยู่ระหว่างทบทวนปรับลดประมาณการภายหลังจากเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 21 ก.พ.นี้ (ปัจจุบันคงราคาเหมาะสมที่ 37.00 บาท )
ด้าน “ทิสโก้” ระบุว่าปัจจุบัน BCP ยังมีความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะแนวทางการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกที่ยังไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในช่วงสั้น แต่ธุรกิจน้ำมันยังเผชิญกับภาวะการแข่งขันสูง ทำให้คาดว่าผลประกอบการในปี 2560 จะเติบโตในกรอบที่จำกัด
“ทิสโก้” คงคำแนะนำ "ถือ" BCP ราคาพื้นฐาน 28 บาท
ส่วนโบรกเกอร์ “บัวหลวง” ระบุว่า แม้งบ BCP ไตรมาส 4 จะน่าผิดหวัง ฉุดราคาหุ้นในระยะสั้น แต่คาดกำไรหลักในไตรมาสแรกนี้จะเติบโต และเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ราคาหุ้นอีกครั้ง
นักวิเคราะห์มองมูลค่าหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำ หากเทียบกับกลุ่มโรงกลั่นในไทย โดยปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ P/E เฉลี่ยที่ 10.9 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มโรงกลั่น 9.9 เท่าเล็กน้อย แต่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มผู้ค้าปลีกน้ำมันที่อยู่ระดับ 20 เท่าและค่าเฉลี่ยกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ที่ 19 เท่า ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ามูลค่าหุ้นน่าจะปรับเพิ่มขึ้นมาใกล้เคียงกับบริษัทอื่นๆ ได้
“บัวหลวง” ปัจจุบันยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 ที่ 4,403 ล้านบาท
ด้าน “ฟิลลิป” นักวิเคราะห์คงประมาณการกำไรทั้งปี 2560 ของ BCP ไว้ที่ 4,804 ล้านบาท โดยได้ส่วนช่วยจากธุรกิจโรงกลั่นกลับมาเดินเครื่องสูงขึ้นเป็น 93% จาก 84% ในปี 2559 และตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดค้าปลีกมาที่ 65% จาก 62% จากแผนขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น 100 แห่ง จากสิ้นปี 2559 ที่ 1,075 แห่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น