มาเกาะติดความพยายามอีกครั้งของ IFEC ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งภายใน ก่อนที่จะหาทางปรับลู่ทางทำธุรกิจ และที่สำคัญคือการเคลียร์ปัญหากับบรรดาเจ้าหนี้ ซึ่งรวมทั้งผู้ถือตั๋ว B/E ที่บริษัทฯ ค้างชำระ จนเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวงกว้าง
การผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว B/E ของ IFEC หรือ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปะทุมาจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารภายใน จนทำให้เกิดการลาออกของกรรมการ และกระทบต่อการบริหารงานต้องสะดุดลง โดยในการประชุมผู้ถือหุ้นรอบสองที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 14 ก.พ.จึงเป็นการตัดสินครั้งสำคัญในการช่วงชิงโอกาสเข้ามาแก้ไขปัญหาหนี้สำหรับสองกลุ่มหลัก ทั้งกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของนายแพทย์วิชัย ถาวรวัฒนายงค์ ประธานกรรมการบริษัท และกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง นายทวิช เตชะนาวากุล
การประชุมครั้งใหม่นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ครั้งแรกไม่สามารถคัดเลือกกรรมการเข้ามาบริหารงานได้อย่างสมบูรณ์ ในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 778 ราย จำนวน 853 ล้านหุ้น คิดเป็น 42.99% จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 1,983 ล้านหุ้น
ที่ประชุมพิจารณา 2 วาระประกอบด้วย วาระที่ 1 การพิจารณารับรองรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 1/2560 และวาระที่ 2 การพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่ทดแทนกรรมการที่ลาออก มีจำนวนกรรมการที่ต้องการ 7 คน เพราะปัจจุบัน IFEC เหลือคณะกรรมการเพียง 2 คนเท่านั้น
ในการประชุมในครั้งนี้ใช้เวลาร่วมกว่า 5 ชั่วโมง เพราะกลุ่มผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่สอบถามข้อเท็จจริงกับผู้บริหารถึงความโปร่งใสการบริหารงานของ IFEC
สำหรับวาระแรก ที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่รับรองรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 1/2560 จำนวน 45.66% สูงกว่าคะแนนที่เห็นด้วยจำนวน 45.49% โดยประธานที่ประชุมได้สั่งให้แก้ไขให้เป็นไปตามที่ผู้ถือหุ้นได้เรียกร้อง
มาที่วาระสอง การคัดเลือกกรรมการชุดใหม่เพื่อให้กิจการเดินหน้าต่อไปได้ แม้ว่าจะมีความวุ่นวายไปบ้าง แต่สุดท้ายผู้ถือหุ้นได้ลงคะแนนเสียงคัดเลือกกรรมการ ซึ่งมาจากตัวแทนทางฝั่งนายแพทย์วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ 2 ราย ได้แก่ นายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูติ ด้วยคะแนนเสียง 837 ล้านคะแนน และพลตรีบุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ 823 ล้านคะแนน
ด้านตัวแทนจากนายทวิช เตชะนาวากุล มีจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย นายทวิช เตชะนาวากุล 654 ล้านคะแนน รองศาสตราจารย์ประนอม โฆวินวิพัฒน์ 587 ล้านคะแนน นายสมชาย สกุลรัตน์ 587 ล้านคะแนน พลตำรวจเอกสุนทร ซ้ายขวัญ 497 ล้านคะแนน และนายปริญญา วิญญรัตน์ 488 ล้านคะแนน
จากการคัดเลือกกรรมการครั้งนี้ส่งผลให้ IFEC มีกรรมการครบทั้ง 9 คน ประกอบด้วยตัวแทนฝ่ายนายทวิช 5 คน และฝ่ายของนายแพทย์วิชัย 4 คน ทำให้ตามกฎหมายแล้วสามารถนัดประชุมบอร์ดเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาในบริษัทฯ ได้ แต่ทว่าปัญหาคดีความในส่วนผู้บริหารเองยังต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายทวิช เตชะนาวากุล ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ เเละเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ IFEC ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องเรียกประชุมคณะกรรมการบริษัทฯโดยเร็วที่สุด โดยหลังจากที่นายแพทย์วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการบริษัท IFEC จัดทำรายงานการประชุมส่งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นที่เรียบร้อย ตนเองคาดหวังจะให้เกิดการประชุมได้ภายใน 1-2 วันนี้ โดยได้ขอความร่วมมือกับประธานบริษัทฯ ให้เรียกประชุม เพราะบริษัทฯเสียหายไปมากแล้ว ฉะนั้นจึงต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาสะสมและมีความโปร่งใสให้มากที่สุด
**แผนแก้ไขวิกฤตหนี้ระยะสั้นและระยะยาวมูลค่าเกือบ 8 พันล้านบาท
นายทวิช ระบุว่า IFEC จะนัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอีกครั้งในปลายเดือน เม.ย.2560 หลังจากปิดงบปี 2559 ซึ่งในช่วงนั้นคงจะเริ่มเห็นผลงานที่คณะกรรมการฯ ได้พยายามทำ โดยจะขอความร่วมมือกับผู้บริหารทุกท่านให้นำพาบริษัทข้ามผ่านวิกฤตศรัทธาผู้ถือหุ้น และเจ้าหนี้ให้ได้
โดยแผนแก้ไขปัญหาหนี้ IFEC ทั้งหมดจะต้องปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ จะไม่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หรือเป็นรายกรณีเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ IFEC สามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้
สำหรับแนวทางแก้ไขหนี้ตั๋ว B/E คาดจะชัดเจนใน 45-60 วัน ส่วนหนี้ทั้งหมดจะเห็นแผนชัดเจนใน 60-90 วัน ซึ่งไม่ใช่เพียงเฉพาะปัญหาตั๋ว B/E เท่านั้น แต่หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือน พ.ย. 2560 จะต้องแก้ไขไปด้วย ส่วนรายละเอียดแผนแก้ไขหนี้นั้น นายทวิช ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดชัดเจน
**การทำงานร่วมกันระหว่าง 2 ขั้วทีมผู้บริหาร
นายทวิช ยอมรับว่า การฝ่าฟันมาถึงจุดนี้ ที่ประชุมก็ยังเกิดความสับสนถึงวิธีการเลือกคณะกรรมการใหม่หลังเป็นวิธีที่ผิดจากหนังสือชี้ชวน ทำให้เกิดบัตรเสียมากมาย แต่ทีมของตนยังได้รับเลือกเป็นบอร์ดถึง 5 คน ซึ่งเชื่อว่าการทำงานร่วมกันนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพราะแต่ละท่านมีประสบการณ์ทำงานสูง ดังนั้น ในระยะสั้นคงจะแก้ไขปัญหาหนี้ตั๋ว B/E ได้ไม่ยาก แต่หลักการทำงานร่วมกันคงต้องให้เกียรติกัน และทุกคนต้องทำเพื่อบริษัทฯ แต่ถ้าไม่ร่วมมือ ผมคิดว่าต้องใช้ “ยาแรง” ซึ่งหากใครไม่ทำเพื่อบริษัทฯ ก็ต้อง "ฟันอย่างเดียว"
**โอกาสปลดเครื่องหมาย SP กลับมาซื้อขายหุ้น IFEC ได้ปกติ
นายทวิช บอกว่า ในเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต.ว่าจะเห็นด้วยกับแนวทางการชำระหนี้ได้อย่างไร ซึ่งเชื่อว่าหากบริษัทฯ ส่งหนังสือถึงความชัดเจนเรื่องนี้ คงจะสามารถปลด SP ได้ แต่ตนมองว่าผลกระทบจะมีทั้งสองด้าน เพราะอาจมีแรงขายออกมาสำหรับผู้ต้องการขาย หรืออาจจะต้องถูกบังคับขายอีก หรือแม้แต่สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนก็เป็นสิทธิเสรีของแต่ละบุคคล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น