ตลาดหุ้นไทยปิดบวก (จันทร์ 6 ก.พ. ) แม้ยังไม่มีปัจจัยใหม่เชิงพื้นฐาน แต่ได้แรงหนุนจากแนวโน้ม Fund flow (เงินบาทอยู่ในทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง / ต่างชาติ Net Buy 1.1 พันลบ.) และหุ้น Big cap ที่ยังเป็นเป้าทยอยเก็บของนักลงทุนสถาบัน (Net Buy 2.1 พันลบ.) เสริมเข้ามาด้วยการ Technical rebound ต่อเนื่องจากวันศุกร์ที่ผ่านมา นักลงทุนจับตาการทยอยประกาศผลประกอบการในหุ้นใหญ่ กับการเป็นความหวังที่จะชี้นำตลาดในระยะสั้น นอกเหนือจากบรรยากาศตลาดหุ้นในภูมิภาค
TASCO หรือ “ทิปโก้แอสฟัลท์” วอลุ่มทะลุหลักสองพันล้านบาท ราคาหุ้นบวกแรง ตลาดเก็งผลกำไรที่จะเกิดขึ้นตอบรับราคายางมะตอยที่เพิ่มขึ้นร้อนแรง
นักวิเคราะห์ “เคจีไอ (ประเทศไทย)” บอกกับ Money Channel ว่า ราคาหุ้น TASCO เพิ่มขึ้นมาโดดเด่น เป็นการตอบรับกับทิศทางผลประกอบการในงวดไตรมาส 4/59 ต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 1/60 ที่จะออกมาฟื้นตัวได้สดใส โดยเบื้องต้นคาดว่า TASCO จะประกาศงบปี 2559 อย่างเป็นทางการในวันที่ 17 ก.พ.นี้ ก่อนจะจัดประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 20 ก.พ.
กำไรสุทธิ TASCO ในไตรมาสสุดท้ายปี 2559 คาดว่าจะเติบโตถึง 40.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/59 เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายงบซ่อมสร้างถนนของรัฐบาล ช่วยหนุนปริมาญยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 20.4% Y/Y ขณะที่ยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 5.8% Y/Y ผลักดันให้ยอดขายรวมไตรมาส 4/59 เพิ่มขึ้นถึง 20% มาเป็น 5.7 พันล้านบาท
พร้อมกันนั้น ราคายางมะตอยยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หนุนอัตรากำไรขั้นต้นมาเป็น 14.5 % จากไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 9% สะท้อนถึงสามารถทำกำไรโดดเด่นในช่วงนี้ และจะต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกจากทิศทางราคายางมะตอยในภูมิภาคยังจะยืนได้ในระดับสูง ขณะในปัจจุบันราคาวิ่งขึ้นมาแล้วถึง 30% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/59
ส่วนในปี 2560 “เคจีไอฯ” ประเมินกำไรสุทธิ TASCO เพิ่มขึ้น 11.9% มาอยู่ที่ 3 พันล้านบาท โดยมาจากยอดขายคาดจะเติบโต 5% อยู่ที่ 2.1 ล้านตัน ตามอุปสงค์ในประเทศแข็งแกร่ง รวมทั้งอาจจะมีงบพิเศษจากภาครัฐซ่อมแซมถนนภาคใต้หลังรับผลกระทบน้ำท่วมใหญ่ นอกจากนั้น ยังมีอุปสงค์ในภูมิภาคที่ฟื้นตัวของลูกค้ารายใหญ่ในจีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และราคายางมะตอยที่ดีดตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2560 กลับมายืนได้ 16%
ปัจจุบัน “เคจีไอฯ” ให้ราคาพื้นฐาน TASCO 29 บาท
"ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 3 และมีแนวโน้มแข็งแกร่งตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป ดังนั้นราคาหุ้นสมควรถูก “re-rate” และซื้อขายโดยมี premium ที่ระดับ P/E 15 เท่า จากก่อนหน้านี้ เทรดที่ P/E 12 เท่า ทำให้ได้ราคาเหมาะสม 29 บาท... ถ้าหลังจาก Analyst Meeting ไปแล้วมีโอกาสปรับประมาณการ TASCO หรือไม่ ยังคงตอบไม่ได้เพราะปัจจุบันราคาหุ้นปรับขึ้นมาสูง ซึ่งต้องรอดูว่าราคาหุ้นจะสามารถยืนได้แข็งแรงหรือไม่ เพราะงบไตรมาส 1 ถือเป็นไฮซีซั่นอยู่แล้ว ซึ่งหลังจากนั้นคงต้องมาดูว่างบจะแผ่วลงหรือไม่ หลังมีความเสี่ยงเรื่องน้ำมันที่เป็นต้นทุนสำคัญ"
ด้าน “เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)” รายงานข้อมูลราคายางมะตอยเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ปรับขึ้นมาร้อนแรง ประกอบด้วย ราคายางมะตอย อ้างอิงตลาดสิงคโปร์ ปรับขึ้นเป็น 295 เหรียญต่อตัน เพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับ ธ.ค.59 และ ราคายางมะตอยในประเทศ อ้างอิงกรมการค้าภายในปรับขึ้นเป็น 18,550 บาท/ตัน เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับ ธ.ค.59 ในขณะที่ต้นทุนน้ำมันดิบอ้างอิง Brent เฉลี่ย เดือน ม.ค.60 ปรับขึ้นไม่มากนัก เฉลี่ยแค่ 1%
นักวิเคราะห์จึงประเมินกำไรไตรมาสแรก TASCO มีแนวโน้มทำได้ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท แต่สถานการณ์ตลาดยางมะตอยพลิกผันเร็วมาก จึงคาดกำไรของ TASCO ในไตรมาส 2-4 เฉลี่ยไตรมาสละ 700-800 ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปี 2560 จะมีกำไรสุทธิ 3,416 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 2,794 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพื้นฐานเพิ่มเป็น 27 บาท อิง P/E 12.13 เท่า
ส่วนกำไรไตรมาส 4/59 โบรกเกอร์ “เมย์แบงก์ฯ” ปรับขึ้นเป็น 800-900 ล้านบาท จากเดิมคาด 600-800 ล้านบาท เพราะราคายางมะตอยขึ้นมาแรง หากเทียบกับไตรมาส 3/59 กำไรทรุดลงเหลือเพียง 329 ล้านบาทเท่านั้น ส่งผลให้ปี 2559 TASCO จะมีกำไรเพิ่มขึ้นมาเป็น 3.1 พันล้านบาท ดีขึ้นกว่าประมาณการเดิม 2.86 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นร้อนแรงของ TASCO ส่งผลบวกกับหุ้น "ทิปโก้ฟูดส์" (TIPCO) ให้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพราะด้วยแรงบวกเซนติเมนต์จากส่วนแบ่งกำไร และมูลค่าแฝงถือหุ้นใน TASCO ราว 24%
สุดท้ายเป็นมุมมองจาก “ดีบีเอส วิคเคอร์ส” นักวิเคราะห์ให้สมมติฐานรายได้เพิ่มขึ้นตามราคาขายยางมะตอยที่สูงขึ้น ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 28.00 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 2560 ที่ 12 เท่า จากค่าเฉลี่ย P/E สำหรับกำไรปี 2559 คาดว่าลดลง 44% จากปี 2558 เป็น 2.85 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุด ส่วนในปี 2560 คาดว่ากำไรสุทธิจะฟื้นตัว 24% มาที่ระดับ 3.54 พันล้านบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น